วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วิตามินซี (VitaminC) ต้านอนุมูลอิสระ


      วิตามินซี (VitaminC) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ลักษณะเป็นผลึกสีไม่มีกลิ่น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่ากรดเอสคอร์บิค (ascorbic acid) ซึ่งเราจะรู้จักกันดีในการป้องกันเลือดออกตามไรฟัน วิตามินซี(VitaminC)มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึม (metabolism) ของกรดอะมิโน และทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ของปฏิกิยาทางชีวเคมีต่างๆในร่างกาย วิตามินซี (VitaminC)เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ที่ดีชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้อย่างดี วิตามินซี (VitaminC)ยังช่วยลดสารก่อมะเร็งไนโตรซามีนในระบบทางเดินอาหารอีกด้วย ดังนั้นจึงแนะนำว่าหากว่าเรารับประทานอาหารเนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูป เช่น ไส้กรอก แหนม เบคอน หรือกุนเชียงซึ่งสารไนไตรท์ ก็ควรแกล้มด้วยกะหล่ำปลีสดมากๆ หรือน้ำสมหรือน้ำฝรั่งสักแก้ว เพื่อให้วิตามินซ(VitaminC)ในกะหล่ำปลีหรือในน้ำผลไม้ไปยับยั้งการเปลี่ยนสารไนไตรท์เป็นไนโตรซามีน

นอกจากนี้วิตามินซี(VitaminC)ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสารชีวะเคมีที่สร้างคอลลาเจน (collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนส่วนหนึ่งของโครงสร้างกระดูกอ่อนของมนุษย์ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของผิวหนัง กล้ามเนื้อ และปอดอีกด้วย วิตามินซี(VitaminC)จะสร้างเสริมการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น ซึ่งคอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่จะหยุดยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ และวิตามินซี(VitaminC)ยังเป็นตัวเสริมพลังให้กับวิตามินอีในการต่อสู้กับอนุมูลอิสระอีกด้วย


ประโยชน์ของวิตามินซี (VitaminC) มีหน้าที่หลักๆ  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ซึ่งจะป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดจากขบวนการออกซิเดชันในร่างกาย หรือจากมลพิษ สิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ซึ่งจะทำให้เซลล์ต่างๆ เสื่อม หรืออาจเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ที่ผิดปกติได้ วิตามินซี(VitaminC) ยังทำหน้าที่เป็นตัวช่วย (Cofactor) ในขบวนการต่างๆ ของร่างกาย เช่น การสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวกับผิวหนัง และของเส้นเลือดให้แข็งแรง ไม่เปราะ ยืดหยุ่นได้ดี และการหายของแผลต่างๆ เป็นปกติ วิตามินซี(VitaminC) ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งสามารถป้องกัน และรักษาหวัดได้ และยังลดการอักเสบจากการติดเชื้อ และยังมีรายงานว่า วิตามินซี(VitaminC)สามารถลดระดับคอเลสเตอรอล  และคลายเครียด เนื่องจากสามารถเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต 


อันตรายจากการขาดวิตามินซี
ผู้ที่ขาดวิตามินซี
(VitaminC)มักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดตามข้อต่อของร่างกาย เลือดออกตามไรฟัน เจ็บกระดูก แผลหายช้า เนื่องจากวิตามินซี(VitaminC)ทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ของร่างกาย การได้รับวิตามินซี(VitaminC)ไม่เพียงพอจะทำให้เส้นเลือดในร่างกายอ่อนแอ และทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหายช้ากว่าปกติ เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย คุณสมบัติของวิตามินซี(VitaminC) คือ เป็นตัวต่อต้านสารก่อมะเร็งและช่วยควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าร่างกายขาดวิตามินซีจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลงและทำให้ ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่าย ในกรณีของเด็กหรือผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามินซี(VitaminC)น้อยกว่าวันละ 10 มิลลิกรัม อาจทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิดได้ หากร่างกายขาดวิตามินซี(VitaminC)มากเกินปกติอาจทำให้มีลูกยาก เป็นโรคโลหิตจางและมีภาวะความผิดปกติทางจิตได้ 


อันตรายจากการได้รับวิตามินซีมากเกินไป
      
เกาต์ เนื่องจากวิตามินซี
(VitaminC)มีหน้าที่ในการช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย การรับวิตามินซี(VitaminC)ในปริมาณมากจะทำให้เกิดปัญหาการสะสมธาตุเหล็กตามกระดูกข้อ ต่อต่างๆ มากขึ้น และอาจทำให้เกิดโรคเกาต์ได้ในที่สุด
       นิ่วในไต การได้รับวิตามินซี
(VitaminC)มากเกินไปอาจไปรบกวนการดูดซึมของทองแดงและซีลีเนียม ซึ่งส่งผลให้มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดนิวในไต หากได้รับวิตามินซี(VitaminC)เกินวันละ 10,000 มิลลิกรัม อาจทำให้ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้


แหล่งของวิตามินซี(VitaminC) ได้แก่ 
         ผักใบเขียวต่างๆ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี ผักโขม มะเขือเทศ มะละกอเป็นต้น 
         ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะขามป้อม อะเซโรลาเชอรี่ ฝรั่ง สับปะรด มะนาว ส้ม สตรอว์เบอร์รี่ เป็นต้น       
         ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเครื่องสำอาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น